สิว คือ ข่าวร้ายของผิวสวย เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ทานของทอดของมันเป็นประจำ ไม่ดูแลรักษาความสะอาดผิวหน้า หรือการแพ้สารบางชนิด เป็นต้น แต่สาเหตุหลักประการหนึ่งของการเกิดสิวก็คือ การเปลี่ยนแปลงของระดับของฮอร์โมน โดยปกติแล้วรังไข่ของผู้หญิงและต่อมหมวกไตจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย แอนโดรเจน (Androgen) ในระดับต่ำ แต่หากระดับฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนเพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งเป็นหนึ่งฮอร์โมนในกลุ่มแอนโดรเจนจะกระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้ผลิตไขมันซีบัมออกมาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ไขมันอุดตันตามรูขุมขน จนเกิดการอักเสบ และการเพิ่มจำนวนของ Cutibacterium Acnes ซึ่งทำให้เกิดสิวอุดตัน และสิวอักเสบ รวมไปถึงสิวอื่นๆตามมา ลักษณะสำคัญของสิวฮอร์โมนก็คือสิวที่เกิดขึ้นบนหน้าซ้ำๆ ในบริเวณเดิม มักจะมีก่อนประจำเดือนมาหรือช่วงที่ร่างกายเกิดความเครียด จนฮอร์โมนแปรปรวนนั่นเอง

      การดูแลผิวให้ห่างไกลสิวเบื้องต้น คือ ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงๆ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังมีทางเลือกในการรักษาสิวจากฮอร์โมนที่ได้ผลดีในปัจจุบัน ก็คือ การทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดความสมดุล โดยการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสโตเจน (Progestogen) ช่วยลดระดับฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนลงและทำให้กระบวนการผลิตไขมันจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังที่เป็นสาเหตุสำคัญของสิวลดลงด้วย  จากการวิจัยพบว่า การใช้ยาคุมกำเนิดแบบเพื่อรักษาสิว ทำให้ผู้ป่วยมีจำนวนสิวลดลง  ช่วยลดการเกิดสิวใหม่ รวมทั้งลดระดับความรุนแรงและการอักเสบของสิวด้วย แต่การทานยาคุมเพื่อรักษาสิว อาจต้องใช้ระยะเวลาเพื่อให้ร่างกายสามารถปรับระดับฮอร์โมนเพศให้เข้าสู่ความสมดุล

      ปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนที่มีอยู่ในยาคุมที่รักษาสิว มีให้เลือกหลายระดับและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยยาคุมที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในปริมาณสูง อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงในเรื่องของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หรือมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะและอาเจียนได้ ในปัจจุบันมียาคุมกำเนิด แบบที่ช่วยในการรักษาสิวอย่างได้ผลดี ด้วยการผสมผสานฮอร์โมนอย่างสมดุลของเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนรุ่นใหม่ ที่พัฒนาขึ้นมาล่าสุด โดยการปรับชนิดและปริมาณของฮอร์โมนให้น้อยลงแต่มีประสิทธิภาพดีขึ้น รวมถึงปรับขนาดการทานจาก 21 หรือ 21+7 เป็นแบบ 24+4 เพื่อทำให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่ต่อเนื่อง เหมาะกับคนที่กังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงเรื่องอาการบวมนํ้า หรือนํ้าหนักเพิ่ม อาการเวียนหัว คลื่นไส้อาเจียน อีกทั้งยาคุมชนิดนี้ ยังช่วยลดอาการก่อนมีประจำเดือน เช่น หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ปวดท้องก่อนมีประจำเดือนได้ด้วย